หมวดหมู่: แบงก์พาณิชย์

7611 KBANK Kattiya


ธนาคารกสิกรไทย แจ้งผลประกอบการงวดครึ่งปีแรก ปี 67 กำไร 26,139 ล้านบาท

    นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทยในไตรมาส 2 ปี 2567 ยังมีสัญญาณฟื้นตัวช้าและไม่ทั่วถึง แม้จะมีแรงส่งอยู่บ้างจากการทยอยเบิกจ่ายเงินของภาครัฐ หลังจากที่ พ.ร.บ. งบประมาณปี 2567 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน 2567 และการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยว

     ทั้งนี้ การผลิตภาคอุตสาหกรรมและการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนยังเผชิญแรงกดดันจากด้านต้นทุน ภาระหนี้สิน รวมถึงรายได้ที่ยังฟื้นตัวในกรอบจำกัด สำหรับในช่วงที่เหลือของปี 2567 นั้น แม้เศรษฐกิจไทยอาจประคองการเติบโตได้ตามการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ และการส่งออกที่จะได้อานิสงส์เมื่อเทียบกับฐานที่ต่ำในช่วงเดียวกันปีก่อน

     แต่คงต้องติดตามผลกระทบต่อภาคธุรกิจจากแนวโน้มต้นทุนที่ปรับสูงขึ้นตามค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ รวมถึงรายละเอียดและความชัดเจนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในช่วงที่เหลือของปี 2567

    ท่ามกลางความท้าทายของปัจจัยต่างๆ ธนาคารกสิกรไทยยังคงมุ่งเน้นการเดินหน้าตามยุทธศาสตร์ 3+1 เพื่อส่งมอบคุณค่าที่ยั่งยืนให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายภายใต้บริบทของเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอน 

      ในไตรมาส 2 ปี 2567 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 12,653 ล้านบาท ลดลง 6.18% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน หลักๆ จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิลดลง ในขณะที่รายได้สุทธิจากการรับประกันภัยเพิ่มขึ้น

      ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่นๆ จำนวน 21,888 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.67% โดยยังอยู่ภายในกรอบการบริหารจัดการของธนาคาร และได้พิจารณาตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected credit loss : ECL) จำนวน 11,672 ล้านบาท ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนตามหลักความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สำรองฯ อยู่ในระดับที่เหมาะสม สะท้อนสถานการณ์ปัจจุบัน และรองรับความไม่แน่นอนของปัจจัยต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ โดยค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนอยู่ที่ระดับ 151.87% 

     รายได้จากการดำเนินงานสุทธิมีจำนวน 50,429 ล้านบาท โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงจำนวน 1,060 ล้านบาท หรือ 2.75% เป็นผลจากสภาพเศรษฐกิจโดยรวมที่ฟื้นตัวช้า และไม่ทั่วถึง ประกอบกับการยกระดับกระบวนการเพิ่มประสิทธิภาพการปล่อยสินเชื่อใหม่อย่างมีคุณภาพ

      นอกจากนี้ ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อเพื่อช่วยเหลือลูกค้าปัจจุบันที่เป็นกลุ่มเปราะบางให้สามารถฟื้นตัวได้ดีขึ้น และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินรับฝากในช่วงก่อน รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิลดลงจำนวน 221 ล้านบาท หรือ 2.66% ส่วนหนึ่งจากค่าธรรมเนียมรับจากธุรกิจบัตร และค่าธรรมเนียมรับจากการรับรองตั๋ว อาวัล และค้ำประกัน

      แม้ว่ารายได้สุทธิจากการรับประกันภัยปรับตัวดีขึ้น ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่นๆ มีจำนวน 21,888 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากกิจกรรมทางการตลาดและการดำเนินงานตามทิศทางธุรกิจ รวมทั้งค่าใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนการขยายช่องทางการให้บริการลูกค้า และส่วนหนึ่งจากเงินช่วยเหลือแทนความห่วงใยให้แก่พนักงาน ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว

    โดยธนาคารมีการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายพนักงานภายใต้องค์รวมของกรอบงบประมาณที่วางไว้ ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่นๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) อยู่ที่ระดับ 43.40%  

6267 KBank Pahon Building

       สำหรับงวด 6 เดือน ปี 2567 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและภาษีเงินได้มีจำนวน 57,981 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.36% จากรายได้จากการดำเนินงานสุทธิที่เติบโตสูงกว่าค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่นๆ เป็นผลจากการที่ธนาคารและบริษัทย่อยบริหารจัดการค่าใช้จ่ายให้เกิดความคุ้มค่า และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน

      ทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่นๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) อยู่ที่ระดับ 42.35% ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ การตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected credit loss : ECL) ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งยังคงเป็นการตั้งสำรองฯ ตามหลักความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง รองรับความไม่แน่นอนของปัจจัยต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจ ทำให้กำไรสุทธิจำนวน 26,139 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 20.26%

    รายได้จากการดำเนินงานสุทธิมีจำนวน 100,581 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.27% จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่มีจำนวน 75,996 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.18% ตามภาวะตลาด โดยอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net interest margin: NIM) อยู่ที่ระดับ 3.73%

      ทั้งนี้ ธนาคารได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อในไตรมาส 2 ปี 2567 เพื่อช่วยเหลือลูกค้าปัจจุบันที่เป็นกลุ่มเปราะบางให้สามารถฟื้นตัวได้ดีขึ้น รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเติบโต หลักๆ จากค่าธรรมเนียมรับจากการจัดการกองทุน และค่าธรรมเนียมรับจากการรับรองตั๋ว อาวัล และค้ำประกัน

      รวมทั้งการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการลงทุน และรายได้จากการปริวรรตเงินตราต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว ในขณะที่ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่นๆ มีจำนวน 42,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.82% จากค่าใช้จ่ายทางการตลาดสอดคล้องกับรายได้ที่เพิ่มตามปริมาณธุรกิจ และค่าใช้จ่ายด้านเทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนการขยายช่องทางการให้บริการลูกค้า 

      ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 ธนาคารและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมจำนวน 4,247,540 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยจากสิ้นปี 2566 จำนวน 36,016 ล้านบาท หรือ 0.84% อย่างไรก็ตาม เงินให้สินเชื่อสุทธิอยู่ในระดับทรงตัว ตามภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้าและไม่ทั่วถึง ประกอบกับการยกระดับกระบวนการเพิ่มประสิทธิภาพการปล่อยสินเชื่อใหม่อย่างมีคุณภาพสะท้อนการบริหารความสมดุลของความเสี่ยงและผลตอบแทนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

     ทั้งนี้ เงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (%NPL gross) อยู่ที่ระดับ 3.18% ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน สำหรับอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยงของกลุ่มธุรกิจทางการเงินธนาคารกสิกรไทยตามหลักเกณฑ์ Basel III ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 ยังคงมีความแข็งแกร่งอยู่ที่ 19.42% 

 

Click Donate Support Web 

EXIM One 720x90 C JMTL 720x100

SME720x100 2024

Banner GPF720x100 PX

CKPower 720x100

QIC 720x100

TOA 720x100

วิริยะ 720x100

AXA 720 x100

aia 720 x100

BKI 720 x 100

kbank 720x100 66

ธกส 720x100PTG 720x100

ใจฟู720x100px

AXA 720 x100

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!