หมวดหมู่: ตลาดหลักทรัพย์
SET54
ภาวะตลาดหุ้นไทย: ปิดลบ 1.37 จุด แกว่งแคบคล้ายภูมิภาคช่วงรอดูหลายปัจจัยใน-นอกปท./สัปดาห์หน้าตลาดฯคงแกว่งไซด์เวย์
ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,631.43 จุด ลดลง 1.37 จุด (-0.08%) มูลค่าการซื้อขาย 55,373.65 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่  โดยดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,637.36 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,623.38 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 550 หลักทรัพย์ ลดลง 878 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 539 หลักทรัพย์
น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งแคบคล้ายตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่วันนี้จะติดลบเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากตลาดฯไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา และยังต้องรอดูผลโหวตในเรื่องงบประมาณปี 63 รวมถึงต้องติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 3/62 ด้วย ซึ่งรอดูงบฯของกลุ่มแบงก์ก่อน ต่อไปก็กลุ่ม Real Sector โดยจากการ Preview งบฯกลุ่มพลังงาน และกลุ่มปิโตรเคมี ที่ออกมาทำให้คาดว่าผลประกอบการงวดไตรมาส 3/62 ของทั้งสองกลุ่มนี้ไม่น่าจะดี เพราะสเปรดปิโตรเคมีแคบลง และยังมี Stock loss ด้วย
นอกจากนี้ นักลงทุนก็ยังวิตกในเรื่องมาตรการบัญชีใหม่ TAS 32 ที่จะนำมาใช้ แล้วทำให้หลายบริษัทที่ออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิคล้ายทุน (Perpetual Bond) อาจจะมี D/E ที่สูงขึ้น ซึ่งทางเลือกในการแก้ปัญหาก็คงจะต้องคืนหนี้ หรือการเพิ่มทุน ดังนั้นบริษัทเหล่านี้จึงมีความเสี่ยงที่อาจจะเพิ่มทุนได้
ส่วนปัจจัยจากนอกประเทศ แม้ว่ากรณีการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) จะดูดีแต่ตลาดฯก็ยังไม่ตอบรับ อาจเป็นเพราะต้องการรอดูความชัดเจนในการนำเรื่องเข้าสภาอังกฤษในช่วงสุดสัปดาห์นี้ก่อน และยังต้องติดตามความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ด้วย นอกจากนี้ ตลาดฯดูเหมือนยังไม่ไว้วางใจการลงทุน เนื่องจากทิศทางเศรษฐกิจโลกไม่สดใส ทำให้ราคาน้ำมันก็ปรับขึ้นได้ยาก
แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า น.ส.อาภาภรณ์ กล่าวว่า ตลาดฯคงจะแกว่งไซด์เวย์ แต่ก็ขึ้นอยู่กับผลการโหวตเรื่องงบประมาณ ปี 63 ซึ่งก็คาดว่าจะผ่านไปได้ แต่ไทยก็ย้งต้องเผชิญการเมืองกดดัน ส่วนงบฯไตรมาส 3/62 ของบริษัทจดทะเบียนโดยรวมก็คาดว่าจะติดลบเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ดี มาตรการ "ชิม ช้อป ใช้" เฟส2 ก็อาจจะมาช่วยประคองเศรษฐกิจได้บ้าง
พร้อมให้แนวรับ 1,620 จุด ซึ่งเป็นแนวฟิวเตอร์ที่ไม่ควรหลุดด้วย หากหลุดจะมีแนวรับถัดไปที่ 1,610-1,600 ถัดไป 1,580 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,640-1,650 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
AWC     มูลค่าการซื้อขาย  3,333.34 ล้านบาท ปิดที่    6.55 บาท  ลดลง  0.25 บาท
GPSC    มูลค่าการซื้อขาย  3,049.06 ล้านบาท ปิดที่   87.50 บาท  เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
CPALL   มูลค่าการซื้อขาย  1,802.01 ล้านบาท ปิดที่   82.75 บาท  เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
GULF    มูลค่าการซื้อขาย  1,524.27 ล้านบาท ปิดที่  174.00 บาท  ลดลง  1.50 บาท
BGRIM   มูลค่าการซื้อขาย  1,483.48 ล้านบาท ปิดที่   49.75 บาท  ลดลง  1.50 บาท
--อินโฟเควสท์

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!